counters
hisoparty

สัมผัสเสน่ห์อีสานที่ ‘อุบลราชธานี’

15 hours ago

         ใครว่าภาคอีสานไม่น่าเที่ยว แห้งแล้งเสน่ห์ ลองสแกนไปให้ทั่วแผนที่ภาคอีสานจะรู้เลยว่า ภาคอีสานนั้นมีแต่ก็มีเสน่ห์เย้ายวนในหลายๆ มุม ไม่แพ้ภาคใต้หรือภาคเหนือ และหนึ่งในมุมที่อยากพาทุกคนไปสำรวจคืออุบลราชธานี จังหวัดใหญ่ของภาคอีสานที่รุ่มรวยไปด้วยงานศิลป์และวิถีชีวิตของผู้คนที่น่าสนใจ อุบลราชธานีเต็มไปด้วยวัดวาอาราม ขณะที่ธรรมชาติก็ดึงดูดความสนใจจากนักท่องเที่ยวได้ไม่ใช่น้อยเช่นกัน

 คืบก็วัดศอกก็วัด 
          อุบลราชธานีเป็นจังหวัดที่มีวัดวาอารามเยอะมาก แต่วัดที่เป็นดาวเด่นของอุบลฯนาทีนี้ก็ต้องยกให้วัดพระธาตุหนองบัว วัดสำคัญที่เป็นเหมือนศาสนสถานคู่บ้านคู่เมืองจังหวัดอุบล ที่สร้างขึ้นตั้งแต่ปี 2498 จากนั้น 2 ปีถัดมา ได้มีการสร้างพระธาตุเจดีย์ศรีมหาโพธิ์ หรือ พระธาตุหนองบัว ขึ้นมาเพื่อเป็นสัญลักษณ์ครบรอบ 25 ศตวรรษของพุทธศาสนา
          โดยจำลองแบบมาจากเจดีย์พุทธคยา ประเทศอินเดีย ภายในพระธาตุประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุที่บรรจุอยู่ในสถูปลงรักปิดทอง สลักเรื่องราวพระพุทธเจ้า 500 ชาติ อีกโซนหนึ่งเป็นไฮไลท์ของวัดคือด้านนอกที่เป็นรูปปั้นพญานาค 2 องค์ที่มีไว้ให้บรรดานักท่องเที่ยวสายมูได้สักการะบูชากัน
          อีกหนึ่งวัดที่เป็นวัดเก่าแก่ของจังหวัดอุบลราชธานี คือวัดมหาวนาราม หรือวัดป่าใหญ่ วัดนี้ได้รับพระราชทานโปรดเกล้าฯ ยกฐานะขึ้นเป็นพระอารามหลวง เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ.2521 ปูชนียวัตถุที่สำคัญ คือ พระเจ้าใหญ่อินทร์แปลง เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยลักษณะศิลปะแบบลาว ขนาดหน้าตักกว้างประมาณ 3 เมตร ถือว่าเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ของชาวอุบลราชธานี


          ที่จริงยังมีอีกหลายวัด แต่ถ้าคัดเฉพาะไฮไลท์ของอุบลฯจริงๆ ก็ต้องไปที่วัดสิรินธรวรารามภูพร้าว หรือวัดเรืองแสง ตั้งอยู่ที่อำเภอสิรินธร ซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมืองอุบลราชธานีขับรถไปประมาณ 1 ชั่วโมงเศษ วัดนี้อยู่ติดกับชายแดนไทยลาวเลย ซึ่งที่มาของชื่อว่าวัดเรืองแสง
          ใครเคยไปหลวงพระบางมาแล้วอาจจะคุ้นๆ กับวัดนี้ เพราะตัวอุโบสถของวัดตั้งอยู่บนเนินเขาสูงต้นแบบมาจากวัดเชียงทอง ประเทศลาว และจำลองสภาพแวดล้อมให้เหมือนอยู่ในป่าหิมพานต์ จึงเปรียบตัวอุโบสถที่อยู่กึ่งกลางให้เป็นดั่งเขาพระสุเมรุ โดยอุโบสถหลังนี้มีจุดเด่นอยู่ที่ ต้นกัลปพฤกษ์ด้านหลังอุโบสถที่เมื่อพระอาทิตย์ลาลับขอบฟ้าไปแล้วต้นกัลปพฤกษ์ต้นนี้จะเรืองแสงเป็นสีเขียวสวยงามอยู่ด้านหลัง
          นอกจากทั้ง 3 วัดนี้แล้ว หากใครยังมีเวลาเหลือเฟือ ลองไปที่วัดหนองป่าพง วัดทุ่งศรีเมือง วัดถ้ำคูหาสวรรค์ และวัดใต้พระเจ้าใหญ่องค์ตื้อ ที่แต่ละวัดล้วนน่าสนใจทั้งสิ้น

 อุทยานแห่งชาติผาแต้ม 
         ไหว้พระทำบุญกันเสร็จแล้ว ลองขับรถออกนอกเมืองประมาณ 2 ชั่วโมงเพื่อไปเที่ยวอุทยานแห่งชาติผาแต้มกัน ที่นี่ตั้งอยู่ที่อำเภอโขงเจียมริมแม่น้ำโขงซึ่งเป็นเส้นกั้นพรมแดนระหว่างประเทศไทยและลาว ที่นี่คือสถานที่ที่โอบล้อมไปด้วยธรรมชาติสภาพป่าที่อุดมสมบูรณ์ และจากบริเวณผาแต้มยังสามารถมองเห็นฝั่งลาวได้ด้วย
          จุดเด่นของอุทยานแห่งชาติผาแต้มคือภาพเขียนสีโบราณสมัยก่อนประวัติศาสตร์ อายุราว 3,000-4,000 ปี ที่บริเวณผาขาม ผาแต้ม ผาเจ็ก ผาเมย โดยจะมีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติระยะทางเดินรอบประมาณ  3 กิโลเมตรเศษ เป็นทางเดินเลียบหน้าผาเดินสบายๆ เหนื่อยเบาๆ ซึ่งถ้าใครไม่อยากเหนื่อยมาก จะเดินแค่จุดที่ 2 ก็เจอไฮไลท์แล้ว
          จุดแรกจะอยู่บริเวณผาขาม เดินไปประมาณ 280 เมตรจากจุดเริ่มต้น ก็จะพบกับภาพเขียนสีกลุ่มที่ 1 ซึ่งเป็นภาพปลาขนาดใหญ่จำนวน 4 ตัว ภาพช้าง และรูปโครงร่างสัตว์สี่เท้า จากนั้นเดินต่อไปจากจุดแรกประมาณ 300 เมตร ก็จะพบกับภาพเขียนสีกลุ่มที่ 2 เป็นภาพเขียนสีขนาดใหญ่เป็นภาพต่อเนื่องกันยาว 180 เมตร โดยเป็นภาพคน ช้าง เต่า ปลากระเบนน้ำจืด ปลาบึก เครื่องมือจับปลาของชาวอีสานที่เรียกว่าตุ้มและภาพฝ่ามือคน
          ไม่ใกล้จากที่ทำการอุทยาน ยังมีเสาเฉลียง ซึ่งอยู่ภายในอุทยานแห่งชาติผาแต้ม นี่คือสถานที่แหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ที่มีเสาสูงประมาณ 20 เมตร เป็นหินทรายที่ถูกกัดเซาะและกัดกร่อนจากธรรมชาติทั้งน้ำและลม จนมีลักษณะแปลกตา ประติมากรรมนี้ เป็นประติมากรรมของหินทรายที่มีอายุประมาณ 130 ล้านปีมาแล้ว
          หินนี้ มีลักษณะคล้ายกับดอกเห็ดยักษ์ สูงประมาณตึก 2 ชั้น โดยจะสามารถแบ่งออกได้เป็นสามส่วน คือ ส่วนแรกจะเป็นหินทราย ที่มีเม็ดทรายเล็กๆ เป็นส่วนประกอบ เริ่มจากพื้นไปจนความสูงที่ 70-100 เซนติเมตร
          ส่วนที่สอง จะมีเม็ดทรายหยาบหลายๆ ชนิดผสมอยู่ เช่น เม็ดหินภูเขาไฟ เม็ดควอรตซ์ และเม็ดหินเชิร์ต และส่วนที่สามจะมีลักษณะเป็นแผ่นคล้ายร่ม ส่วนใหญ่เป็นหินทราย และบริเวณโดยรอบของ เสาเฉลียงนี้ จะเต็มไปด้วยป่าไม้เบญจพรรณต่างๆ

          ออกจากอุทยานแห่งชาติผาแต้มขับรถมาประมาณ 20 กิโลเมตร ยังมีแม่น้ำสองสี หรือดอนด่านปากแม่น้ำมูลเป็นบริเวณที่แม่น้ำมูลที่มีสีออกเป็นสีครามจะไหลไปรวมกับแม่น้ำโขงที่มีสีออกขุ่นๆ เป็นสีปูนเกิดเป็นแม่น้ำสองสี จึงเป็นที่มาของคำคล้องจองที่ว่า โขงสีปูน มูลสีครามนั่นเอง 
          มาตัวเมืองอุบลฯทั้งที แนะนำว่าควรมาแวะเดินเที่ยวที่ทุ่งศรีเมือง ในอดีตเดิมเป็นที่ทำนาของเจ้าเมืองอุบลราชธานี และใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมเผาศพของเจ้าเมืองอุบลในอดีต ปัจจุบันเป็นสถานที่สำหรับประกอบพิธีกรรมต่างๆ ของจังหวัดอุบลฯ ตั้งอยู่บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดอุบลราชธานีหลังเก่าซึ่งเปลี่ยนมาเป็นพิพิธภัณฑ์เมืองอุบลราชธานีศรีวะนาไลที่เราสามารถเข้าไปชมเรื่องราวเมืองอุบลได้
          และยังมีอภิมหาเทียนพรรษาเฉลิมพระเกียรติ หรือต้นเทียนจำลอง สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 มีศาลหลักเมือง และมีอนุสาวรีย์พระปทุมวรราชสุริยวงศ์ ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งอุบลฯ
          และอย่าลืมชิมอาหารชื่อดังของอุบลฯ ด้วยไม่ว่าจะเป็นหมูยอ แหนมเนือง ก๋วยจั๊บญวณ และเฝอทั้งหมดนี้ รอทุกคนอยู่ที่อุบลฯ

Author By : กาญจนา หงษ์ทอง

SHARE