บทสนทนาจากหัวใจ ของ คุณจ๋า – ธนนนท์ นิรามิษ
หญิงสาวผู้เปี่ยมด้วยความอ่อนโยน ความเข้มแข็ง และความตั้งใจอันงดงาม
ภายใต้รอยยิ้มที่แสนอบอุ่น และน้ำเสียงที่เปล่งออกมาด้วยความนุ่มนวล ‘คุณจ๋า – ธนนนท์ นิรามิษ’ ได้พิสูจน์ว่า ความงามของผู้หญิงนั้นไม่ได้อยู่แค่ภายนอก แต่อยู่ในรายละเอียดของการใช้ชีวิต และหัวใจที่เลือกทำสิ่งดีๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างมั่นคงและจริงใจ
เธอคือผู้หญิงธรรมดาที่ทำสิ่งพิเศษได้ในทุกวัน ไม่ว่าจะในฐานะเจ้าของคาเฟ่ชื่อดังจากเมืองระนอง ผู้หญิงที่เลือกจะเคียงข้างสุภาพบุรุษผู้แบกรับภารกิจใหญ่ของชาติอย่าง คุณอนุทิน ชาญวีรกูล หรือในฐานะลูกสาว น้องสาว เพื่อน และคนที่ใช้ชีวิตเรียบง่ายอย่างภาคภูมิใจ
และในทุกบทสนทนา ความคิด ความรู้สึก และวิธีมองโลกของเธอ คือสิ่งที่ทำให้เรายิ้มอย่างเข้าใจ และรับรู้ได้ทันทีว่า...นี่คือ Grace ที่มีชีวิตจริง
LIFE: ตัวตนที่งดงามจากความธรรมดา
“จ๋าก็เป็นแค่แม่ค้าคนหนึ่งที่รักการขายมากๆ ค่ะ รักที่จะเลือกของดีๆ มาให้ลูกค้า เพราะสิ่งที่เราขาย เราก็ต้องกิน ต้องใช้เหมือนกัน”
คำพูดธรรมดาแต่เต็มไปด้วยความตั้งใจนี้ เป็นจุดเริ่มต้นของบทสนทนาอันแสนงดงาม ที่พาเราย้อนกลับไปถึงวัยเด็กของหญิงสาวผู้เติบโตในบ้านที่เต็มไปด้วยผู้หญิง พี่สาวสามคน และคุณแม่ที่เปรียบเสมือนหัวใจของทุกสิ่ง
“บ้านเราผู้หญิงล้วนค่ะ คุณพ่อมีแต่ลูกสาว และจ๋าเป็นลูกคนเล็ก ก็เหมือนมีแม่สี่คน (หัวเราะ) คุณแม่เลี้ยงให้ลูกผู้หญิงเก่งและแกร่งเหมือนมีลูกชาย เราเลยจับอะไรก็ได้ ยกของหนักก็ไม่กลัว เลอะก็ไม่กลัว ลูกทุกคนของคุณแม่สามารถช่วยเหลือและพึ่งพาตัวเองได้อย่างแน่นอน”
เธอเล่าถึงการเรียนรู้จากคุณแม่อย่างเรียบง่าย แต่กินใจ “คุณแม่ไม่เคยมานั่งสอนว่าชีวิตต้องเป็นแบบไหน แต่สิ่งที่แม่ทำทุกวันคือคำสอนที่ลึกที่สุด จ๋าว่าวันนี้ 90% ของสิ่งที่เราเป็น มาจากคุณแม่ทั้งหมดเลยค่ะ”
และแม้เวลาจะพาเธอออกจากบ้านเกิดมาใช้ชีวิตที่กรุงเทพฯ หัวใจของเธอยังคงผูกพันกับสิ่งเล็กๆ ที่ทำให้รู้สึกเป็นตัวเองเสมอ “เวลาที่มีความสุขที่สุดในวันธรรมดา คือการได้ไปเล่นพิลาทิส มันเหมือนเราหยุดทุกอย่างไว้ แล้วกลับมาอยู่กับลมหายใจตัวเอง เป็นช่วงเวลาที่เราได้ทบทวนทุกอย่างอย่างเงียบๆ และนี่คือสิ่งที่จ๋าทำได้อย่างไม่มีเบื่อเลยค่ะ”
WORK: แม่ค้าในหัวใจ คาเฟ่ในฝัน และความสวยงามที่มอบให้ผู้คน
“คุณแม่เปิดร้าน ‘จ่าจ้า คอฟฟี่’ ให้ค่ะ หลอกล่อให้ลูกกลับบ้าน” (หัวเราะ)
นั่นคือจุดเริ่มต้นของคาเฟ่เล็กๆ ที่ต่อมากลายเป็นร้านกาแฟแห่งความทรงจำของเมืองระนอง ชื่อร้านมาจากหลานที่ออกเสียงเรียกชื่อเธอเพี้ยนเป็น ‘จ่าจ้า’ และยังพ้องกับคำภาษาจีนว่า ‘เช้าเช้า’ ซึ่งคุณแม่คล้ายจะแอบแซวลูก เพราะไม่อยากให้ลูกตื่นสาย
จากคาเฟ่เล็กๆ ในวันนั้น ผ่านมา 17 ปี ‘จ่าจ้า’ เติบโตขึ้นทั้งในแง่ขนาดและหัวใจ จนกลายมาเป็น ‘จาริสต้า คอฟฟี่’ ที่กรุงเทพฯ
“เหมือนจ๋าโตขึ้น ร้านก็โตขึ้นค่ะ ทุกอย่างที่เคยเรียนรู้จากวันนั้น เราเอามาใส่ในร้านนี้หมดเลย ทั้งเรื่องกาแฟเรื่องความรู้สึก และบรรยากาศของร้าน”
ไม่ใช่แค่การตกแต่งสวยงาม หรือเครื่องดื่มรสชาติดี แต่คุณจ๋ายังคงนำวัตถุดิบจากบ้านเกิดมาเป็นหัวใจหลักของร้าน โดยเฉพาะเมนู ‘คยู คยู’ ที่ทำจากกาหยู หรือเม็ดมะม่วงหิมพานต์ ซึ่งเป็นของขึ้นชื่อในคำขวัญจังหวัดระนอง
“เราอยากให้คนรู้จักระนองมากขึ้น ผ่านสิ่งที่เรารัก” และตลอดการทำงานที่เกี่ยวข้องกับผู้คนหลากหลายตลอด17 ปี สิ่งที่เธอได้เรียนรู้ คือ ‘ความเข้าใจ และอดทน’
“เรารับมือกับคนหลายแบบ ทุกคนมีที่มา มีวันที่ดีและไม่ดี พอเราเข้าใจตรงนี้ เราจะไม่ตัดสินใครง่ายๆ เราจะอดทนกับคนได้มากขึ้น”
LOVE: ความรักที่มั่นคง คือความสม่ำเสมอ และการให้เกียรติกัน
ความรักของคุณจ๋าไม่ได้เริ่มต้นด้วยดอกไม้หรือคำหวาน แต่เริ่มต้นจาก ‘การจดจำ’
“ท่านเคยแวะมาทานข้าวที่ร้านครั้งหนึ่งค่ะ ผ่านไปสักพักท่านกลับมาที่ระนองอีกครั้ง ท่านจำเราได้ ถามทันทีว่า ‘คุณแม่เป็นยังไงบ้าง’ แค่ประโยคนั้นเราก็รู้เลยว่า...คนนี้ใส่ใจครอบครัวมาก”
จากนั้นความสัมพันธ์ก็ค่อยๆ เติบโตจากการพูดคุยที่มีความหมาย และการใส่ใจในสิ่งเล็กๆ ที่ไม่เคยหายไป “ท่านไม่ใช่คนโรแมนติกค่ะ ไม่มีดอกไม้ ไม่มีของขวัญวันพิเศษ แต่ท่านสม่ำเสมอมาก และไม่เคยเปลี่ยน”
และเมื่อถามถึงการดูแลความสัมพันธ์ในวันที่ต่างคนต่างมีภารกิจมากมาย คำตอบของเธอกลับเรียบง่ายแต่หนักแน่น เพราะเธอไม่เพียงเคียงข้างเขา แต่ยังเรียนรู้การเสียสละจากการอยู่ร่วมกับผู้ชายที่มีภารกิจระดับชาติ “บางครั้งเรามีแพลนด้วยกัน แต่ถ้างานมา เราก็ต้องเข้าใจและอยู่ข้างเขาอย่างไม่มีเงื่อนไข เพราะท่านจะให้ความสำคัญกับงานมาก่อนเสมอ” ความรักของเธอจึงไม่ใช่เพียงการอยู่ด้วยกัน แต่คือการเข้าใจ เคารพ และให้เกียรติกันทุกวัน
เมื่อมีโอกาสพูดคุยกันไปเรื่อยๆ จนถึงคำถามโมเมนต์เคียงข้างกันในวันธรรมดาที่แสนพิเศษสำหรับเธอคืออะไร เธอยิ้มพร้อมตอบกลับมาว่า “เวลาท่านว่างแล้วเข้าครัวทำข้าวผัดให้กิน จ๋าว่าข้าวผัดของท่านอร่อยที่สุดในโลกเลยนะคะ” (หัวเราะ)
ในวันที่เรียบง่ายที่สุดอย่าง ‘การได้ทานข้าวผัดฝีมือเขา’ หรือในวันที่ยากลำบากอย่างช่วงเวลาของการเจ็บป่วย คุณจ๋ายังคงรู้สึกว่า “แค่ได้อยู่เคียงข้างกัน มันก็เพียงพอแล้ว”
“ความรักของเราตอนนี้อาจไม่ใช่สีชมพูหวานๆ แต่เป็นความเข้าใจ การให้อภัย และการให้เกียรติกันค่ะ เราเคารพเขา เขาเคารพเรา นี่คือสิ่งที่ทำให้ความสัมพันธ์ไปได้ไกลมากๆ”
INSPIRATION & GIVING: พลังเล็ก ๆ ที่เปลี่ยนโลก และหัวใจที่มีปีก
“ล่าสุดจ๋าได้มีโอกาสไปร่วมกิจกรรมแม่บ้านสัญจรค่ะ แล้วได้ไปที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก นำของเล่น หนังสือ ไปมอบให้เด็กๆ” เธอเล่าพร้อมรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความทรงจำ “สิ่งที่จำไม่ลืมคือแววตาเด็กๆ ค่ะ มันเป็นแววตาแห่งความหวังที่ชัดเจนมาก ในดวงตาเด็กคนหนึ่ง มันไม่ใช่แค่ดีใจ แต่มันมากกว่านั้น และนั่นทำให้เรารู้ว่า สิ่งเล็กๆ ที่เราทำ มันเปลี่ยนโลกเขาได้จริงๆ”
“พลังเล็กๆ ของเราเปลี่ยนโลกได้” สำหรับเธอ มันไม่ใช่เพียงวาทกรรมสวยหรู แต่เป็นความเชื่อที่พิสูจน์แล้วว่าเป็นจริง
อีกหนึ่งเรื่องที่เธอประทับใจมาก คือโครงการ ‘หัวใจติดปีก’ ของคุณอนุทิน ซึ่งเป็นภารกิจอาสาสมัครในการไปรับอวัยวะบริจาคด้วยเครื่องบิน ในที่ที่เดินทางลำบาก หรือในช่วงที่ไม่มีไฟลท์บิน เพื่อช่วยชีวิตผู้ป่วยที่รอความหวัง “บางคืนตีหนึ่งคุณหมอโทรมา แม้ว่าท่านจะมีงานตอนเช้า แต่ก็พร้อมออกไปทันที เพราะหัวใจดวงนั้น หรืออวัยวะทุกส่วนต้องเดินทางจากผู้ให้ไปสู่ผู้รับให้เร็วที่สุด ซึ่งทุกนาทีคือชีวิต และในการไปครั้งหนึ่ง ไม่เพียงช่วยแค่ชีวิตเดียวนะคะ แต่สามารถช่วยได้หลายชีวิต เพราะนอกจากหัวใจ ยังมีอวัยวะส่วนๆอื่นที่พร้อมส่งต่ออีก”
“บางครั้งมีญาติผู้บริจาคเดินมาทักท่านว่า ‘จำได้ไหม วันนั้นที่ไปรับหัวใจของลูกฉัน... คนที่ได้รับไปเขาเป็นยังไงบ้าง อะไรแบบนี้ค่ะ คือขนาดเราได้ฟังแค่นั้นเราก็ใจฟูที่สุดแล้วค่ะ” นี่คือสิ่งที่คุณอนุทินทำมาอย่างยาวนาน และสม่ำเสมอแบบไม่เคยคิดว่าต้องเอ่ยให้ใครฟัง
QUOTE OF HER LIFE
“ขยัน ซื่อสัตย์ ประหยัด อดทน” คำเรียบง่ายจากแม่ที่เธอยึดถือเสมอ “แม่บอกว่า คนเราไม่มีคนจน มีแต่คนขี้เกียจเท่านั้นที่จน ซื่อสัตย์ก็สำคัญมาก โกหกครั้งเดียว ครั้งต่อไปคนจะไม่เชื่อเราอีกเลย”
“ประหยัดคือรู้จักใช้ รู้จักเก็บ และอดทน... นี่คือสิ่งที่ได้จากการทำงานจริงๆ โดยเฉพาะการเปิดร้านมา 17 ปีค่ะ”
STYLE: ผ้าไทยคือรากเหง้า ความภาคภูมิใจ และหัวใจเศรษฐกิจฐานราก
“เสน่ห์ของผ้าไทยคือความประณีตค่ะ ที่สำคัญมันมีเรื่องราว เป็นจิตวิญญาณของวัฒนธรรมเลย” คุณจ๋าพูดถึงผ้าไทยด้วยแววตาเป็นประกาย เธอเล่าว่าผ้าไทยไม่ใช่แค่สิ่งที่สวมใส่ แต่คือการถ่ายทอดรากเหง้าผ่านลวดลาย วิธีทอ หรือแม้แต่วิธีตัดเย็บ “ครั้งหนึ่งจ๋าใส่ผ้าไทยไปต้อนรับผู้นำในงานเอเปก แล้วมีชาวต่างชาติเข้ามาทักว่า ผ้าไทยนำมาตัดเป็นชุดแบบนี้ได้ด้วยหรอ เราภูมิใจมากเลยค่ะ”
“เราอยู่ตรงนี้ เราต้องเอาผ้าไทยเข้าไปให้อยู่ในสายตาคนต่างชาติ ให้เขาได้เห็น ให้เขาชื่นชมค่ะ” นอกจากนี้คุณจ๋ายังพูดถึงผ้าท้องถิ่นที่เธอรักเป็นพิเศษ “เราคนใต้ ก็ชอบชุดบาบ๋า–ย่าหยา ค่ะ เป็นวัฒนธรรมของจีนมลายูแบบจีนฮกเกี้ยนทางใต้ ผ้าบาเต๊ะจ๋าก็ชอบ ส่วนใหญ่บาเต๊ะจะมีลายนกยูง ลายดอกไม้ ลายดอกโบตั๋น เมื่อก่อนจะมีแต่สีเข้มๆ แต่ตอนนี้เขามาทำโทนพาสเทล ทำให้เข้าถึงผู้คนได้มากขึ้นค่ะ”
สำหรับคุณจ๋า การสนับสนุนผ้าไทยคือการสนับสนุนเศรษฐกิจฐานราก “คนทอผ้าอยู่ตามบ้าน ถ้าเขาได้ขายตรง เขาจะมีรายได้เต็มร้อยค่ะ แล้วเขาจะส่งลูกเรียนหนังสือเพื่อจะได้มีอนาคตที่ดี เป็นการลงทุนที่อาจใช้ระยะเวลานาน แต่จ๋าว่าเป็นสิ่งที่คุ้มค่าที่สุดค่ะ”
“ไทยซื้อ ไทยใช้ ไทยเจริญ” คำที่ฟังดูโบราณ แต่คุณจ๋าเชื่อว่าคือความจริง เธอสรุปสิ่งที่เชื่อไว้ด้วยประโยคนี้อย่างชัดเจน เพราะมันคือการคืนโอกาสให้คนในชุมชน และสร้างรากฐานที่ยั่งยืนให้ประเทศ
และนี่คือบทสัมภาษณ์ของหญิงสาวที่เติบโตในครอบครัวเล็กๆ อันอบอุ่น สู่ผู้หญิงที่เลือกเดินเคียงข้างใครสักคนอย่างเข้าใจ และมั่นคง จากบทบาทเล็กๆ ที่เธอทำด้วยใจ สู่แรงบันดาลใจที่ค่อยๆ ขยายวงกว้าง คุณจ๋า – ธนนนท์ นิรามิษ คือภาพสะท้อนของผู้หญิงรุ่นใหม่ที่งดงามจากภายใน และใช้ชีวิตในทุกวันอย่างมีคุณค่าและความหมาย
ฉะนั้น Grace ในแบบของคุณจ๋า จึงไม่ใช่คำจำกัดความที่ล่องลอย หากแต่เป็นวิธีคิด วิธีใช้ชีวิต และวิธีมองโลกที่เรียบง่ายแต่เปี่ยมไปด้วยพลัง และนั่นเอง...คือ 'The Essence of Grace' ที่แท้จริง...
Author By : Arunlak