ย้อนไปในวัยเพียง 16 ปี เขาได้สร้างความฮือฮาด้วยการเปิด Mediums ร้านอุปกรณ์ศิลปะที่เปิดตลอด 24 ชั่วโมง ก่อนจะต่อยอดสู่ VE/LA คาเฟ่สำหรับคนรักกาแฟที่ขยายสาขาอย่างรวดเร็วในวันนี้ ปัจจุบันในวัย 20 ปี เขายังคงเต็มเปี่ยมด้วยไฟและวิสัยทัศน์ เป็นหนึ่งในคนรุ่นใหม่ที่เลือกเส้นทางด้วยตัวเอง และกำลังพิสูจน์ให้เห็นว่าความมุ่งมั่นจริงจังตั้งแต่วัยเยาว์ สามารถพาไปได้ไกลเกินกว่าตัวเลขอายุจะบอก
ชีวิตวัยเด็ก
ผมเรียนไฮสคูลที่ Shrewsbury International School ครับ ครอบครัวให้อิสระในการเลือกและตัดสินใจเรื่องเส้นทางชีวิต ไม่เคยกดดันมากเกินไป ส่วนหนึ่งเพราะคุณพ่อเสียตั้งแต่ผมยังเด็ก ทำให้ต้องช่วยคุณแม่ดูแลและโอนถ่ายธุรกิจหลายอย่าง สิ่งนี้ทำให้ผมรู้สึกว่าต้องดูแลตัวเองและเติบโตเร็วขึ้น คุณแม่สนับสนุนเต็มที่กับการทำธุรกิจ เพราะท่านมองว่าแม้จะขาดทุนก็ถือเป็นการลงทุนให้ผมได้เรียนรู้จริงจากประสบการณ์ชีวิต
แรงบันดาลใจ
ผมเริ่มต้นธุรกิจแรกคือร้านอุปกรณ์ศิลปะชื่อ Mediums ตั้งแต่อายุ 16-17 ปี ช่วงโควิด แรงบันดาลใจมาจากความชอบส่วนตัวด้านศิลปะ และปัญหาที่อุปกรณ์ศิลปะหาซื้อได้ยาก เลยตัดสินใจเปิดร้านเอง หลังจากนั้นจึงต่อยอดมาเปิดร้านกาแฟ VE/LA ที่ตอนแรกคิดว่าเป็นเพียงโปรเจกต์รอง เพราะอยากใช้กาแฟดึงดูดคนเข้าสู่โลกศิลปะ อีกทั้งตัวผมเองก็ชอบดื่มกาแฟ แต่รู้สึกว่ากาแฟในสมัยนั้นเข้าใจยาก จึงอยากทำให้เป็นกาแฟที่เข้าถึงง่ายขึ้น ผมลงมือทำเองตั้งแต่แรก และท้ายที่สุดร้านกาแฟกลับประสบความสำเร็จมากกว่าที่คิดจนกลายเป็นธุรกิจหลัก
ปัจจุบัน VE/LA เติบโตอย่างรวดเร็ว มีสาขาหลายแห่งในกรุงเทพฯ และได้รับการตอบรับอย่างดีจากผู้คน ทำให้ผมเห็นศักยภาพที่จะพัฒนาแบรนด์ให้ก้าวไกลยิ่งขึ้น ตอนนี้กำลังดำเนินการขยายธุรกิจไปต่างประเทศ โดยเริ่มที่ลอนดอน ซึ่งเป็นเป้าหมายที่ผมพยายามมา 2 ปีแล้วครับ
ในวัย 20 ปี อะไรคือสิ่งที่ให้ความสำคัญที่สุด
ตอนนี้ผมโฟกัสกับงานมากที่สุดครับ เพราะรู้สึกว่าบริษัทยังไม่ถึงจุดที่เรียกว่า Stable และเรามีพนักงานเกือบ 100 คนที่ต้องดูแล หลายคนเป็นเสาหลักของครอบครัว ทำให้ผมต้องรับผิดชอบมากขึ้น และพยายามทุ่มเทกับงานให้มากที่สุด
ความภาคภูมิใจในตัวเอง
ในปีที่ผ่านมา ผมภูมิใจที่สามารถหา Work-Life Balance ให้กับตัวเองได้ดีขึ้น เมื่อก่อนใครๆ ก็มองว่าผมเป็น Workaholic ทำงานหนักตลอด แต่ตอนนี้ผมจัดสรรเวลาได้มากขึ้น มีความสุขกับชีวิตมากขึ้น และบาลานซ์ตัวเองได้ว่าอะไรคือจุดที่พอดี ไม่มากหรือน้อยเกินไป เป็นความสำเร็จเล็กๆ ที่ทำให้ผมรู้สึกภูมิใจจริงๆ
จุดแข็งของตัวเอง
ผมคิดว่าจุดแข็งของผมคือการเป็น ‘เป็ด’ ครับ ทำได้หลายอย่าง ไม่ถือตัว พร้อมจะลงมือเองทุกอย่าง ตั้งแต่ขัดพื้น กราฟิก บัญชี นับสต็อก ไปจนถึงงานบริการลูกค้า ผมเชื่อว่าเราต้องทำทุกอย่างให้เป็นก่อน จะได้รู้ว่ามาตรฐานที่ดีควรเป็นแบบไหน และสามารถสอนหรือตรวจงานลูกน้องได้อย่างถูกต้อง
มุมมองต่อคนรุ่นใหม่ที่มีพลัง
สำหรับผม สิ่งสำคัญที่สุดคือ ‘ความมุ่งมั่น’ และ ‘ความพากเพียร’ ครับ คนรุ่นใหม่ควรโฟกัสกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งอย่างจริงจัง และต้องกล้าที่จะ Say No เพื่อรักษาสมาธิและไม่ไขว้เขวไปกับสิ่งรอบตัว
อยากให้คนจดจำว่าเป็นคนแบบไหน
ผมอยากให้คนจดจำว่าเป็น ‘คนสู้’ ครับ สู้กับงาน ไม่ยอมแพ้อุปสรรคและพร้อมที่จะลองสิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอ
บุคคลต้นแบบ
คุณแม่คือบุคคลต้นแบบของผมครับ โดยเฉพาะหลังจากคุณพ่อเสียไป ท่านเลี้ยงดูลูกสองคนด้วยตัวเอง ผมชื่นชมความเข้มแข็ง วินัย และความอดทนของคุณแม่มากๆ เพราะท่านพิสูจน์ให้เห็นว่า ไม่ว่าอุปสรรคจะยากแค่ไหน ก็สามารถก้าวผ่านไปได้
HiSoParty สำหรับคุณคือ
จริงๆ แล้วผมรู้จัก HiSoParty มานานจากคุณแม่และคนรอบตัว และก็เห็นหลายคนที่ผมรู้จักเคยขึ้นปกหรือมีบทสัมภาษณ์ ทำให้มองว่า HiSoParty เป็นพื้นที่ที่เปิดโอกาสให้ทุกคนได้ Express ตัวเองอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นการเล่าเรื่องราว ความเป็นมา หรือการแบ่งปันประสบการณ์ต่างๆ สิ่งที่น่าสนใจคือที่นี่ไม่ได้สะท้อนเพียงภาพลักษณ์ แต่ยังเป็นการแชร์มุมมองและ Personality ที่หลากหลายของแต่ละคน ทำให้ HiSoParty เป็นเหมือนเวทีที่เชื่อมโยงผู้คนไว้ด้วยแรงบันดาลใจที่แตกต่างกัน