บางคนชอบบอกว่า “ฉันเป็นคนอะไรก็ได้”
แต่คุณน้ำคือคนที่ทำให้คนรอบตัวอุทานออกมาว่า ‘เธอเป็นคนอะไรก็ได้จริงๆ’
ในขณะที่ผู้หญิงหลายคนเผชิญกับความกดดันเมื่อตัวเลขอายุเข้าสู่หลักห้า ทั้งเรื่องรูปร่าง หน้าที่ ความคาดหวัง หรือแม้แต่ภาพลักษณ์ที่ควรจะเป็น คุณน้ำ – สลิล ล่ำซำ กลับเลือกที่จะใช้ชีวิตในแบบของตัวเอง ด้วยท่าทีสบายๆ ที่เปี่ยมเสน่ห์ และแนวคิดที่แสนจะตรงไปตรงมาแต่ชวนยิ้มว่า “ก็แค่อะไรก็ได้”
ไม่ใช่เพราะเธอไม่มีหลัก ไม่มีเป้าหมาย แต่เพราะเธอเข้าใจโลก เข้าใจตัวเอง และไม่ยึดติดกับสิ่งที่ควบคุมไม่ได้
เธอเป็นภรรยาของนักธุรกิจมากความสามารถ คุณป้อง – สาระ ล่ำซำ เป็นคุณแม่ของ คุณนิ่ม – สาริศา และ คุณนุ่ม – สุพิชชา
แต่ถ้าถามว่าเธอคือ ‘น้ำ’ ในแบบที่ไม่มีคำว่า ‘ภรรยา’ หรือ ‘แม่’ มาคั่น เธอบอกว่า
“ก็เป็นคนที่รักอิสระ ไม่ชอบอยู่ในกรอบ ไม่ชอบความเครียด ไม่จุกจิก และไม่เรื่องมากอะไรทั้งนั้น”
การดูแลตัวเองในแบบที่ไม่ฝืน
คุณน้ำเป็นคนที่ใส่ใจในการดูแลตัวเองอย่างสม่ำเสมอ แต่ไม่ได้เครียดหรือจริงจังเกินไป เธอรู้จักร่างกายตัวเองดี และเชื่อว่าการดูแลตัวเองคือการอยู่กับตัวเองให้ได้อย่างมีความสุข ไม่ใช่การทำเพื่อเอาชนะใครหรือเพื่อให้ใครมาชื่นชม
“สิ่งที่น้ำให้ความสำคัญที่สุดเลยคือ ‘ความชุ่มชื้น’ ค่ะ ผิวหน้าก็ต้องชุ่มชื้น ผิวตัวก็เหมือนกัน แล้วก็ดื่มน้ำตลอดเวลา น้ำจะตั้งเตือนไว้เลยว่าทุกชั่วโมงต้องดื่มหนึ่งแก้วตอนนี้อยากกินอะไรก็กิน รู้จักพอ และออกกำลังกายเพราะอยากทำ ไม่ใช่เพราะต้องทำ วันไหนไม่อยากออกกำลังกายก็อยู่บ้าน เล่นกับแมว ใส่ชุดนอนทั้งวันก็มี ไม่ต้องรู้สึกผิดอะไรเลยค่ะ”
สไตล์ที่ใช่ในแบบของตัวเอง
แม้จะชื่นชอบความเรียบง่ายสบายๆ แต่คุณน้ำก็มีสไตล์ที่ชัดเจน เธอบอกว่าไม่มีแนวที่ชอบเป็นพิเศษ แต่รู้แน่ๆ ว่าอะไรคือสิ่งที่ไม่ใช่
“น้ำไม่มีสไตล์การแต่งตัวที่ชอบเป็นพิเศษนะคะ แต่มีสไตล์ที่ไม่ชอบแน่นอน คือ ‘เปรี้ยว’ กับ ‘เท่’ สองแบบนี้ไม่ใช่เราเลย”
ในบทสนทนา เราแหย่เธอเล่นว่า หลายคนมักคิดว่าเธอคือสาว ASAVA แน่ๆ เธอหัวเราะ แล้วตอบอย่างอารมณ์ดีว่า
“หลายคนอาจคิดว่าน้ำเหมาะกับ ASAVA มากกว่า เพราะดูเป็นลุคทำงานแบบผู้ใหญ่ แต่จริงๆ แล้ว ASV คือตัวเราที่สุดเลยค่ะ มันรีแลกซ์กว่า ใส่สบาย แล้วก็เป็นสไตล์ที่เข้ากับชีวิตประจำวันของน้ำจริงๆ”
ปล่อย แล้วไปต่อ
เหตุการณ์หนึ่งที่คุณน้ำหยิบมาเล่าให้ฟังอย่างติดตลก แต่กลับกลายเป็นบทเรียนชีวิตที่งดงาม คือวันที่เธอไปปั่นจักรยาน
“น้ำไปปั่นจักรยานขึ้นเขา แล้วตอนลงจักรยานเสียหลัก เป๋มากๆ จนควบคุมไม่ได้ ทุกคนที่ไปด้วยคิดแล้วว่าอาจต้องเรียกรถพยาบาล ตอนนั้นพยายามฝืนให้มันตั้งตรง แต่ก็รู้ว่าไม่ไหวแล้ว น้ำเลยเปลี่ยนจากฝืน... เป็นปล่อย แล้วคิดในใจว่า จะล้มยังไงไม่ให้เจ็บ จะล้มท่าไหนดี (ยิ้ม)
“ซึ่งพอปล่อยปุ๊บ จักรยานมันก็ตั้งตรงเอง แล้วขี่ลงมาได้สวยเลย น้ำจำได้เลยนะ มันให้ข้อคิดมากๆ ว่าบางทีเรายิ่งฝืน เราก็ยิ่งแย่ แต่ถ้าเราปล่อยที่สุดแล้วมันก็จะไปต่อได้”
การเดินทางที่ไม่ต้องรอเวลา
“การเดินทางสอนให้น้ำรู้ว่า เมื่อเราจากโลกนี้ไป สิ่งที่จะยังคงอยู่ก็คือ ‘รูปถ่าย’ นี่แหละค่ะ หรือแม้ในวันที่เราอายุมากขึ้น ความทรงจำบางอย่างอาจจะเลือนหายไป แต่สิ่งหนึ่งที่จะยังอยู่กับเราอย่างถาวร ก็คือภาพถ่าย และสิ่งที่ท้าทายก็คือ เราจะถ่ายภาพสถานที่นั้นๆ อย่างไรให้สวยจนคนอยากตามรอยไปยังสถานที่นั้น (หัวเราะ)
“จุดเปลี่ยนในชีวิตของน้ำคือช่วงที่คุณแม่เสีย ก่อนหน้านั้นคุณแม่เคยพูดเสมอว่า พอคุณพ่อเกษียณแล้ว แม่อยากจะไปเที่ยวที่โน่นที่นี่ แต่พอถึงเวลาที่คุณพ่อเกษียณจริงๆ คุณพ่อก็เหนื่อย ส่วนคุณแม่เองก็เริ่มเที่ยวไม่ไหว บางที่ก็ไปไม่ไหว เหนื่อยง่าย และไม่นานคุณแม่ก็จากไป น้ำจึงรู้สึกว่าไม่อยากให้ตัวเองเป็นแบบคุณแม่ เลยเริ่มออกเดินทางท่องเที่ยว ซึ่งช่วงเวลานั้นก็พอดีกับที่ลูกๆ เข้ามหาวิทยาลัย และสามารถดูแลตัวเองได้แล้ว ลูกๆ ของเพื่อนน้ำเอง ก็โตพอที่เขาจะทิ้งไปเที่ยวด้วยกันตามประสาแม่ๆ ได้แล้วเช่นกันค่ะ”
ชีวิตคู่ที่เรียบง่ายและเบาสบาย
“ถ้าจะพูดกันตามตรง สมัยที่ยังสาวๆ อยู่ น้ำก็เป็นคนที่หงุดหงิดง่ายนะคะ เราสองคน (หมายถึงตัวเองกับสามี) เคยตกลงกันไว้ว่า จะไม่โกรธพร้อมกัน ซึ่งมันช่วยได้จริงๆ แต่พอเราโตขึ้น เราก็เริ่มไม่ใช่คนขี้หงุดหงิดแล้ว แล้วก็พบว่า ถ้าเราเครียดกับการพยายามประคองชีวิตคู่ มันจะยิ่งเครียดเข้าไปใหญ่ ทุกวันนี้น้ำเลยเลือกที่จะ ‘ช่างมัน’ กับหลายๆ เรื่อง แม้แต่กับความคิดที่ว่า “ฉันต้องอยู่ให้ได้” หรือ “ถ้าอยู่ไม่ได้ก็ต้องไป” เพราะตราบใดที่ยังมีความสุขกับชีวิตคู่ ก็จะอยู่ แต่ถ้าวันไหนรู้สึกไม่พอใจก็พร้อมจะไป การอยู่คนเดียวไม่ได้มีปัญหาอะไรเลย พอคิดแบบนี้ น้ำกลับไม่เครียด รู้สึกไม่ถูกบังคับ เพราะเป็นคนที่ไม่ชอบความรู้สึกถูกกดดัน ไม่ชอบการที่ต้องอยู่ในกรอบความคิดว่า “ต้องประคองชีวิตให้รอดนะ ห้ามเลิกกัน ห้ามหย่าร้าง” ความคิดแบบนั้นมันเหมือนตีกรอบเรา ทำให้รู้สึกว่าถูกบังคับ และนั่นก็ยิ่งทำให้เครียด มีชีวิตที่เต็มไปด้วยความเครียด และประคองชีวิตคู่ได้ยากขึ้น แต่พอทุกวันนี้ น้ำคิดแค่ว่า “ฉันพอใจที่จะอยู่ ฉันก็อยู่ วันไหนไม่พอใจ ฉันก็จะไป” มันกลับทำให้รู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาก และปล่อยวางได้มากขึ้นจริงๆ ค่ะ”
คำสอนถึงลูกสาว
“เป็นเรื่องบังเอิญมาก เพราะเพิ่งเรียกลูกสาวมาคุย แล้วก็บอกว่า “ลูกรู้ไหม ตอนแม่โตมา คุณยายไม่เคยสอนอะไรเรื่องการดูแลผิวเลย” เพราะคุณยายเป็นคนผิวดีมากโดยธรรมชาติ ก็เลยไม่ได้ใส่ใจหรือให้ความสำคัญกับเรื่องพวกนี้มากนัก
“แต่สำหรับแม่ สิ่งที่อยากสอนลูกคือเรื่อง ‘ความชุ่มชื้น’ เพราะแม่เชื่อว่าการบำรุงผิวให้ชุ่มชื้นอยู่เสมอเป็นพื้นฐานสำคัญของการดูแลตัวเอง หลังอาบน้ำ แม่จะทาออยล์ทั้งหน้าและตัวทุกครั้ง และใส่ใจเรื่องการดูแลจากภายในควบคู่กันไปด้วย
“ส่วนเรื่องแนวคิดในการใช้ชีวิต คุณพ่อของน้ำ จะสอนเสมอว่า “อะไรก็ตามที่เราทำแล้วไม่เป็นลบ ก็ทำไปเถอะ” แม้ว่ามันจะยังไม่เห็นผล หรือดูเหมือนไม่ได้อะไรกลับมาในทันที แต่วันหนึ่งมันอาจกลายเป็นผลบวกก็ได้ ที่สำคัญคือต้องไม่สร้างความเดือดร้อนให้ใคร ถ้าเงื่อนไขนั้นผ่าน ก็ลงมือทำได้เลย แนวคิดนี้เองที่ทำให้น้ำรู้สึกเป็นอิสระ และมีความสุขกับการใช้ชีวิตมากขึ้นในทุกๆ วันค่ะ”
ความงามที่แท้จริง
และเมื่อถามว่า ‘ความงาม’ ในแบบของเธอคืออะไร คุณน้ำตอบเพียงสั้นๆ ว่า
“บาลานซ์ค่ะ บาลานซ์ชีวิตตัวเอง บาลานซ์ความสุขของตัวเองค่ะ”
และเมื่อให้เธอพูดถึง ความสุขในวันนี้ เธอบอกอย่างไม่ลังเลว่า
“แมวค่ะ น้ำดูแลเขาเองทุกอย่างเหมือนเป็นลูกอีกสองคน แมวของน้ำคือความสุข...”
เราเชื่อว่าสุดท้าย ความ Fabulous ไม่ได้วัดจากว่าคุณทำอะไรได้มากแค่ไหน แต่เป็นความสามารถในการ อยู่กับตัวเองอย่างมีความสุข ในแบบที่เป็น...
และสำหรับ คุณน้ำ – สลิล ล่ำซำ นั่นก็คือการใช้ชีวิตแบบ ‘อะไรก็ได้’ ที่จริงใจ งดงาม และเป็นแรงบันดาลใจอย่างไม่ต้องพยายามเลยแม้แต่น้อย
Author By : Arunlak
