counters
hisoparty

“IF YOU WANT TO BE TRUSTED, BE HONEST” - คุณวนิดา สุโกศล

8 months ago

สุภาพสตรีที่อยู่ในแวดวงสังคมไทย ผู้ประสบความสำเร็จจากการทำธุรกิจมากมาย และเป็นที่เคารพรักของคนในแวดวงสังคม คุณวนิดา สุโกศล หรือที่รู้จักกันในนาม คุณอาอั๋น ได้ให้เกียรติสัมภาษณ์ในเรื่องราวของการทำงาน ครอบครัว ไลฟ์สไตล์ส่วนตัว รวมไปถึงกุญแจสำคัญที่ยึดถือมาโดยตลอดที่ทำให้คุณอั๋นประสบความสำเร็จมาจนถึงทุกวันนี้

          “หากย้อนไปถึงครอบครัวของอาอั๋น สมัยของคุณพ่อและคุณแม่เดิมทีท่านค้าขายเล็กๆ น้อยๆ กับต่างประเทศค่ะ ที่บ้านของอามีเชื้อสายฝรั่งเศส คุณปู่ท่านเป็นคนฝรั่งเศสและมีส่วนหนึ่งเป็นเวียดนาม อาก็เลยมีเชื้อเป็นลูกเสี้ยว สีตาของอาก็เลยเป็นสีฟ้าอย่างที่เห็น ซึ่งตรงนี้เรียกได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่อาเริ่มทำธุรกิจ เพราะตอนที่ครอบครัวค้าขายก็อยู่ในช่วงสงครามโลกพอดี และด้วยความที่เราเองก็รู้จักภาษาเวียดนามจากคุณแม่บ้าง จากครอบครัวบ้าง ก็เลยเล็งเห็นความต้องการของคนหลังสงครามเวียดนามกับอเมริกา ซึ่งตอนนั้นเขาต้องการหลายอย่าง เริ่มต้นจากต้องการข้าว เพราะว่าหลังสงครามเขาขาดแคลนมาก ทำให้เราเริ่มต้นด้วยการค้าขายข้าวเล็กๆ น้อยๆ พอหลังจากนั้นมา เราก็เริ่มที่จะไม่มองอะไรเล็กๆ เริ่มมองเรื่องใหญ่ขึ้น จึงเปลี่ยนจากแนวของคุณพ่อคุณแม่ ผันตัวไปในทางที่ใหญ่ขึ้นมาทำเรื่องของแก๊ส ซึ่งในยุคนั้นเมืองไทยเรายังผลิตแก๊ส LPG ได้เอง เราก็เลยมีโอกาสส่งเป็นแบบ Transfer แก๊สก่อน พอช่วงหลังจากนั้นมา คนไทยก็เริ่มหันมาใช้กันจริงจังมากขึ้น ที่เขานำมาใช้กับรถแท็กซี่หรือรถบ้านบ้าง ทำให้ตอนนั้นทาง ปตท. และหน่วยงานอื่นๆ เปลี่ยนแปลงที่จะยกเลิกการส่งออก ต้องซื้อเข้าอย่างเดียว ทำให้หมดโอกาสที่เราจะมีแก๊สที่เหลือจากการผลิตเพื่อที่จะส่งออก เราก็เลยหันมาดูว่า พอจะมีเรื่องพลังงานอะไรบ้างที่พอจะทำได้ 

          “ตอนนั้นทางเวียดนามยังขุดเจาะอะไรไม่ได้เต็มที่ ทำให้เราเล็งเห็นจุดเริ่มต้นที่จะหันไปทำเรื่องน้ำมันแทน จากนั้นเราก็เลยกลายเป็นเอเจนซี่ทางการค้าน้ำมัน เรามีเรือเดินทะเล ซึ่งแต่ก่อนมีเรือแค่ลำเดียวเพื่อขนส่งให้กับ ปตท. แล้วได้ค่าขนส่งแค่เศษสตางค์ต่อลิตร แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่เป็นล็อต เราจะโดนปรับราคาเท่ากับราคาหน้าปั๊มทันที เราเลยรู้สึกว่า ทำไมมันทำลำบากเหลือเกิน เพราะอย่างเรือลำอื่นๆ ที่เข้ามาในรูปแบบเอเจนซี่ เขาจะต้องทำเอกสารอะไรต่างๆ ซึ่งของเราตอนนั้นยังไม่มี ทีนี้ของเราก็เลยทำบ้าง จากนั้นเราจึงทำเอเจนซี่เรือเป็นระบบเพราะเรามองเห็นว่าน่าจะเป็นแนวทางที่ดี แล้วช่วงนั้นแก๊สก็เริ่มทำไม่ได้แล้วด้วย จึงเข้าไปติดต่อกับเจ้าของเรือต่างๆ ที่เวียดนามด้วยตัวเอง ว่าเราต้องการขายในรูปแบบนี้ ซึ่งเขาจะเรียกว่า Bunker เขาจะไม่เรียกน้ำมัน อันนั้นคือน้ำมันเตาที่จะเติมเข้าเรือ เราก็เจรจาว่าถ้าคุณจะต้องการ Cargo ตัวนี้ไปส่งที่สิงคโปร์หรือกลับไปเวียดนามหรือที่ต่างๆ เรามีซัพพอร์ตให้คุณนะ จากนั้นเราก็เริ่มได้หนึ่งบริษัท สองบริษัท สามบริษัท กระทั่งขยับมาเรื่อยๆ จนทุกวันนี้ 

          “นอกจากนี้เรายังทำเรื่องของโลจิสติกส์ แล้วก็ยังมีเรื่องการทำหินทราย เพราะเรามองว่ามันสามารถทำอยู่ในประเทศไทยได้ ซึ่งตอนนี้หินทรายที่เราซัพพอร์ตให้จะมีที่ CPAC ที่เป็น Plant อะไรต่างๆ เพราะของเราเองก็มีบ่อ เพื่อที่จะซัพพอร์ตตรงส่วนนี้ด้วย แล้วยังได้ขยายให้ลูกเรือประเทศต่างๆ ที่จะเข้ามาประเทศไทยเรา และในส่วนที่เขาจะต้อง Transfer ขึ้นเรือจากท่าเรือเพื่อกลับไปประเทศเขาก็มี หรือบางทีมันจะมีส่วนที่เกินระยะเวลาด้วยข้อกำหนด อาจจะหนึ่งเดือนสองเดือนที่จะต้องขึ้นบก ฉะนั้นแล้วเราก็ทำหน้าที่เป็นเอเจนซี่ตรงนี้ด้วย เพื่อทำเอกสารส่งเรือขึ้นบกเพื่อให้เขากลับประเทศ ซึ่งตอนนั้นอาก็ไม่มีเวลาที่จะออกมางานสังคมเลย เพราะตัวเองจะเป็นคนที่ ถ้าทำอะไรจะต้องทำจริงจัง แล้วทำให้สำเร็จ แต่ตอนนี้มีลูกสาวที่น่ารักเรียนจบจากต่างประเทศกลับมาช่วยงาน และเขาแต่งงานมีครอบครัว มีหลานให้เราติดๆ กัน 3 คนเลย ซึ่งเราก็ยังได้ลูกเขยที่น่ารักมาช่วยงานเราอีกคนด้วยค่ะ”

HONESTY IS THE KEY..
          “การจะเริ่มทำธุรกิจกับต่างประเทศไม่ใช่ของง่าย สำหรับเวียดนามที่อาเริ่มธุรกิจ อามองว่าประชาชนที่อยู่หลังสงคราม สิ่งที่คนค้าขายเขาต้องการและมีความจำเป็นมากตอนนั้นคือเงินทอง แต่เผอิญว่าเราอาจจะโชคดีก็ได้ ที่เราได้ไปเริ่มต้นทำธุรกิจกับคนดี แล้วซึ่งเราได้ใช้สิ่งที่เป็นนิสัยของเราโดยแท้ คือความเป็นคนตรงๆ คิดอะไรจะพูดออกมา หรือถ้าจะบอกว่าซื่อก็ได้ในสมัยนั้น แต่เดี๋ยวนี้มันก็ผ่านระยะเวลามานาน ผ่านร้อนผ่านหนาวเก็บเกี่ยวประสบการณ์ต่างๆ พวกนั้นมาเรียนรู้ปรับใช้มาเรื่อยๆ การค้าขายของเราทำด้วยความซื่อจริงๆ ขายตามสเปคที่เราบอกเขาเลย บางคนค้าน้ำมัน บางทีมันจะมีจุดเล็กๆ ที่ผสมสเปคอื่นเข้าไป บอกตรงๆ ว่าคนค้าน้ำมันเขาจะรู้กัน แต่คนอื่นจะไม่ค่อยรู้ คิดว่าสเปคไหนสเปคนั้น ยกตัวอย่างต่อให้น้ำมันขึ้น เราได้เปิด O.D. (Outside Diameter) เราได้เปิด L/C (Letter of Credit) ด้วยกันทั้งหมดแล้ว สมมติน้ำมันราคาลงฮวบ เราก็ต้องเอาสเปคสิ่งที่เราได้ให้สัญญาเอาไว้ จะไม่มีการปะปนสเปค เพราะเราซื่อสัตย์ต่อเขา ฉะนั้นสิ่งที่อาเชื่อว่าทำให้ประสบความสำเร็จมาจนถึงทุกวันนี้ อาใช้ความซื่อสัตย์ ชื่อเสียงเราจึงอยู่ได้กระทั่งทุกวันนี้ อย่างล่าสุดเมื่อเดือนที่ผ่านมา อาพาลูกไปอัปเดตงานครั้งแรก ทุกบริษัทเขาพูดกับลูกอาเลยว่า ทำงานให้เหมือนคุณแม่นะ ต้องทำงานแบบนี้ ซึ่งตัวอาเองปลูกฝังลูกมาตลอดว่า เราทำธุรกิจสิ่งที่ต้องคำนึงถึงอันดับแรกคือความซื่อสัตย์ แล้วก็จะสอนเขาเรื่องการทำงานทุกอย่าง ทั้งลูกเราและลูกเขย เขาจะขอบคุณเราเสมอ ขอบคุณคุณแม่ที่สอนทุกสิ่งทุกอย่าง ผมมีประสบการณ์ทุกวันนี้ก็คือจากคุณแม่ แล้วจากความดีของคุณแม่ ที่ได้ทำไว้กับลูกค้าทุกคน เขาจะพูดอยู่ตลอด
          “ซึ่งบางครั้งอาเองก็รู้สึกว่าการที่เป็นคนพูดอะไรตรงมากๆ เหมือนคนซื่อ มันทำให้เป็นคนที่ไม่ค่อยปฏิเสธใคร เพราะถ้าทำได้ก็จะทำ จุดนี้คงเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ทำให้อาประสบความสำเร็จ พอเราลงมือทำ ประสบการณ์มันก็เป็นของเรา ทำให้เราได้สั่งสมความเก่งและแกร่งได้เรื่อยๆ อะไรจัดได้ก็จะจัด ไม่มีปัญหาเลย เพราะเป็นคนทำงาน บางทีเจอปัญหาใหญ่เราก็ทำเป็นเล็กได้ ฉะนั้นมันชินกับตรงนี้ไปแล้ว เราสามารถแก้ไขได้หมดทุกปัญหา ถ้าสมมติว่ามันไม่เหมือนดั่งใจเรา เราก็มองเป็นเรื่องเล็กๆ แล้วเราอย่าเก็บมาคิด เพราะมันจะทำให้เราแย่ ฉะนั้นเราต้องเดินหน้าต่อไป เพราะพรุ่งนี้มันก็จะมีปัญหาใหม่ๆ ให้เราได้ดูแลอีก หรือต่อให้เราเป็นคนทำผิด ถ้าเรากล้าที่จะคุยกับเขา นั่นคือกลายเป็นปัญหาเล็กแล้ว ซึ่งทุกคนรับเราได้นะ ถ้าเราพูดความจริง อาจะบอกกับลูกหรือลูกค้าทุกคนเสมอ ถ้ามีอะไรให้บอกกับเราตรงๆ คือทุกอย่างมันสามารถแก้ปัญหาได้ แต่อย่ามีอะไรกั้นแล้วไม่มาคุย เพราะอันนั้นจะกลายเป็นปัญหาใหญ่”

INSPIRATION
          “อาได้เห็นตัวอย่างการทำงานของครอบครัวมาตั้งแต่เรายังเด็กๆ ตั้งแต่รุ่นคุณปู่มากระทั่งรุ่นคุณแม่ ท่านจะเป็นคนที่ไม่อยู่เฉยๆ ต่อให้ท่านมีหรือไม่มี ท่านจะเป็นคนที่ชอบทำงาน แล้วเหมือนเราได้ซึมซับตรงนี้มาเรื่อยๆ จึงเป็นคนที่ชอบทำงานมาก มาจนถึงเวลานี้ก็ยังเข้าไปดูแลเข้าไปจัดการอะไรต่างๆ ทุกอย่าง หรือถ้าในองค์กรมีปัญหากับทางต่างประเทศ ก็จะเป็นคนที่บินไปจัดการด้วยตัวเอง เพราะธุรกิจที่ทำกับต่างประเทศเป็นเครดิตที่เราสร้างขึ้น เขาเชื่อถือเรา เราต้องทำให้ดีให้เรียบร้อยแล้วจึงมาถ่ายทอดยังรุ่นลูก เพราะพอถึงรุ่นลูก เขาก็ยังต้องใช้เครดิตของเราในการทำงาน”

OUR FAMILY
          “อามีสามีที่ดีที่คอยช่วยเราตลอดเวลา โชคดีที่มีลูกสาวน่ารักยังไม่พอ มีหลานๆ ที่เลี้ยงง่าย และยังมีลูกเขยที่น่ารักสมกับที่เราตั้งใจเลือก ต้องบอกว่าเป็นความโชคดีที่ในยุคนี้เรายังสามารถเลือกคนที่ดีให้ลูกสาวเราได้ แล้วลูกสาวเราเขาก็เลือกด้วย เชื่อเราด้วย ทุกคนที่เจอจะบอกว่าลูกเขยเป็นคนที่น่ารักที่สุด จริงๆ อาเห็นเขามาตั้งแต่เด็กๆ เห็นพ่อแม่เขา ที่เป็นเพื่อนเราที่เรียนกันมาตั้งนานแล้ว ก็เลยมองว่าสิ่งที่เราสร้างมาทั้งหมด เราเหนื่อยด้วยตัวเราเองมา พอถึงรุ่นลูกเราไม่ได้มองเรื่องอื่นๆ แต่มองว่าส่วนตัวเราเองยังได้สามีที่ดี ฉะนั้นเราก็ต้องการให้ลูกเจอผู้ชายหรือเจอครอบครัวที่ดี ซึ่งทุกอย่างลงตัวเหมือนที่เราอยากให้เป็นจริงๆ ค่ะ”

PASSION
          “นอกเหนือจากการชอบทำงานมากๆ แล้ว อายังเป็นคนชอบผ้าไหมค่ะ ชอบมาตั้งแต่ 20 กว่าปีก่อน เราอยู่ในสมาคมรักผ้าไหมมานาน ซึ่งสมัยนั้นผ้าไหมเป็นอะไรที่คนไทยยังมองข้ามอยู่ คนไทยจะนิยมทางแบรนด์มากกว่า แต่จริงๆ ผ้าไหมเรา สวยนะคะ สวยมาก แล้วราคาไม่ต่ำกว่าแบรนด์ด้วย ผ้าไหมที่อาชอบมากพิเศษจะเป็นผ้าสังเวียน ผ้าสังเวียนเป็นอะไรที่ในอนาคตจะหาคนทอได้ยาก เพราะว่าคนทอผ้าสังเวียนปัจจุบันคือคนอายุ 70-80 ทั้งนั้นเลย หรือถ้าเกิดมีคนทอรุ่นหลังๆ ฝีมืออาจจะหาไม่ได้เหมือนรุ่นนี้ จึงเป็นที่มาของการเริ่มอยากสะสม อยากซื้อ เพราะสิ่งที่มีความสุขคือเราทำงานเรามีเงินเราจะชอบซื้อเครื่องเพชร ชอบซื้อผ้าไหมที่เราชอบ จะไม่ได้ใช้จ่ายอย่างอื่นเลย”

SPECIAL TEXTILE
          “สำหรับผ้าสังเวียนมันก็มีหลายเกรด เราต้องเล่นแล้วเราต้องรู้ เพราะแต่ละชุดที่อาใช้ผ้าสังเวียนมาตัดขึ้น ผู้ตัดต้องมีความชำนาญ หากวางลายไม่ถูกก็จะทำให้เสียผ้าไปเลย อาเป็นคนที่หวงผ้าสังเวียนมากไม่อยากเอาผ้าสังเวียนมาตัดเป็นชุด เพราะกว่าที่เขาจะทอขึ้นมาได้หนึ่งผืนใช้เวลานานมาก บางครั้งเราก็เสียดาย ถ้าคนไม่รักผ้าไทยอาจจะไม่รู้ถึงอารมณ์นั้น ซึ่งเราเอาไปตัดแต่ละครั้งก็เสียดายมาก เพราะจริงๆ เก็บเอาไว้สะสม แต่บางผืนก็ต้องตัดใจนำมาตัดเพื่อใส่ออกงานบ้าง จะพิถีพิถันในการเลือกช่างตัดเย็บ ซึ่งส่วนตัวอาจะมีช่างอยู่หลายคน ผ้าไทยจะต้องอีกคนหนึ่ง ช่างตัดผ้าลูกไม้ก็ต้องเป็นอีกคนหนึ่งค่ะ”

PEACE of MIND
          “อามีผ้าไหมหลายผืนที่สะสมไว้ของอาจารย์วีรธรรม ตระกูลเงินไทย ซึ่งมีอยู่หนึ่งผืนที่มีคุณค่าทางใจที่ยังไม่มีใครมี เป็นของปัตตานี ซึ่งผ้าผืนนี้ 300 ปีมาแล้วที่หายไป ทางกลุ่มอาจารย์ราชภัฏเขาได้นำมาฟื้นฟู โดยให้แม่ๆ ที่เป็นคนทอผ้าไหม อายุ 50 60 70 เริ่มกลับมาทอ อาจารย์วีรธรรมเขาได้เข้าไปดู แล้วบอกอาว่า ความเหมือนเก้าสิบเปอร์เซ็นต์กว่า เราเห็นแล้วก็รู้สึกอยากได้จังเลย เพราะการทอของเขาแต่ละผืนมันใช้เวลา 7-8 เดือน ซึ่งตอนนั้นพระองค์หญิง (สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา) พระราชดำรัสสั่งเอาไว้หนึ่งผืน แล้วเผอิญว่าทอเกือบเสร็จ ทางเลขาของพระองค์หญิงถ่ายรูปไปให้ดู แต่สีที่ทอยังไม่ตรงตามที่ท่านได้พระราชดำรัสสั่งไว้ เพราะท่านทรงโปรดสีกลีบดอกบัว จึงเปลี่ยนไปทอผืนใหม่ ทางอาจารย์วีรธรรมก็เลยมองเห็นว่าผืนนี้เหมาะกับเรา เพราะเราเป็นคนที่สะสมของที่คนอื่นจะไม่มี อาจารย์บอกว่า อยากให้พี่อั๋นเพราะทอจะใกล้เสร็จแล้ว เราก็ดีใจมากเพราะเป็นผืนประวัติศาสตร์ผืนแรกที่มีคุณค่ามากสำหรับเราที่ไม่สามารถตีเป็นมูลค่าได้จริงๆ ค่ะ”

ABOUT COLLECTS
          “อาอั๋นจำได้ว่า ตั้งแต่อาอั๋นยังเด็กๆ จะเติบโตมาแล้วเห็นคนรอบข้าง ไม่ว่าจะเป็นคุณแม่ และคนใกล้ชิดจะแต่งตัวด้วยผ้าไหมไทย แล้วพอตอนอาสาวๆ ก็ยังมองว่าผ้าไหมไทยใส่แล้วดูสวย ทำให้อาเลือกใส่อยู่เสมอ และเลือกใส่เฉพาะงานสำคัญๆ แต่ในขณะเดียวกันอาอั๋น ก็จะค่อยๆ ซื้อชิ้นที่ชอบเก็บไว้อยู่เรื่อยๆ เพื่อนำออกมาให้ช่างตัดเย็บตัดเพื่อใช้ในโอกาสสำคัญ พอรู้ตัวอีกทีก็มีผ้าไหมเก็บไว้เยอะมาก ทำให้ผ้าไหมไทยจึงเป็นของสะสมอย่างแรกที่อาอั๋นเก็บสะสม ไม่ว่าจะเป็นผ้าไหมมัดหมี่ ทางแถบภาคอีสาน ผ้ายกลำพูน และผ้ายกจากสุรินทร์
          “ส่วนกระเป๋าและเครื่องประดับ อาอั๋นค่อยๆ สะสมตามโอกาส จะเลือกซื้อชิ้นที่ชอบจริงๆ โดยมองถึงเวลาใช้งานให้เข้ากับชุดและบ่งบอกถึงความเป็นไทย ซึ่งส่วนตัวอาอั๋นเองเป็นคนที่ชอบเครื่องถมและกระเป๋าย่านลิเภาเป็นพิเศษ บางใบจะเป็นของเก่า อาอั๋นเป็นคนแปลกตรงที่เวลาเจอของเก่าที่มีการถักทอ หรืองานที่ดูประณีตมากๆ อดไม่ได้ที่จะเก็บไว้สะสม รวมถึงเครื่องประดับบางชิ้นของอาอั๋น ยังเป็นของเก่ามากๆ ที่ทำจากทับทิมสยาม ซึ่งบางทีต่อให้ไม่ค่อยได้นำมาสวมใส่ แค่หยิบมาชื่นชมก็มีความสุขมากๆ แล้วค่ะ (ยิ้ม)
          “แต่ไม่ว่าจะเป็นทับทิม ไพลิน บุษราคัม หรือ มรกต ที่เป็นอัญมณีทุกชิ้น อาอั๋นเชื่อว่ามีพลังดีๆ อาอั๋นจึงค่อยๆ เก็บจากชิ้นเล็กๆ ไปจนถึงเป็นเซ็ตที่ใหญ่ขึ้น เพื่อพอเราสวมใส่ออกงานจะได้ลงตัว ซึ่งนอกจากการสะสมเพื่อความชอบและความสุขแล้ว พอเป็นสิ่งที่สวมใส่ได้จริง ยิ่งมีความสุขมากๆ ค่ะ และยิ่งเป็นชิ้นงานจากภูมิปัญญาของคนไทย เป็นการส่งเสริมการสร้างอาชีพของคนในชาติมากกว่าความงาม อาอั๋นก็ยิ่งมีความภาคภูมิใจค่ะ”

Photo By : Veeraphol
Author By : K_Wondrous

SHARE