counters
hisoparty

Celebrity in Focus - คุณอิทธิฤทธิ์ รัตนทารส

3 years ago

           ถือเป็นอีกหนึ่งหนุ่มที่หลายคนจับตามอง ซึ่งนอกเหนือจากบุคลิกหน้าตาที่ทำให้สาวๆ สนใจแล้วอีกหนึ่งสิ่งที่เป็นเสน่ห์ในตัวเขา น่าจะเป็นอัธยาศัยไมตรี และความน่ารักเป็นกันเอง ที่ไม่ว่าใครได้เจอต่างก็ต้องประทับใจ และนอกเหนือจากรูปลักษณ์ภายนอก หนุ่มหล่อคนนี้ยังเป็นว่าที่ผู้บริหาร Generation ต่อไปของศูนย์การค้ายักษ์ใหญ่ในประเทศไทยอย่าง เดอะมอลล์ กรุ๊ป อีกด้วย กับ คุณจีน - อิทธิฤทธิ์ รัตนทารส ลูกชายคนโตของ คุณกอล์ฟ-ณชนก รัตนทารส และ คุณอ้อย-อัจฉรา อัมพุช

           เรานัดเจอกันกับเขาในบ่ายวันหนึ่งที่ EmQuartier ในช่วงที่เขาว่างเว้นจากการเรียนคอร์สออนไลน์ก่อนกลับไปเรียนที่สหรัฐอเมริกา ซึ่งเมื่อเราได้พูดคุยกันแล้ว ทำให้เราสัมผัสได้ว่าภายใต้ท่วงท่าที่ดูสบายๆ นั้นเขามีความมุ่งมั่น และรู้จักหน้าที่ของตัวเอง รู้ว่าสิ่งที่ตัวเองจะต้องรับผิดชอบในอนาคตคืออะไร และดูเหมือนเขาจะเตรียมตัวเพื่อสิ่งเหล่านั้นไว้อยู่เสมอ

           “ตอนนี้ผมยังเรียนปริญญาตรีอยู่ครับ เพราะติดโควิดทำให้ลงเรียนได้ไม่เต็มที่ แต่เดือนสิงหากำลังจะกลับไปเรียนต่อ ผมเรียน Interior Design กำลังจะขึ้นปี 4 ที่ Syracuse University และน่าจะได้สองใบด้วยครับ เพราะผมเรียนจะเรียนหนักขึ้น คือนอกจาก Interior Design, Entrepreneurship ผมเรียน Minors คือ Art History ไปด้วยครับ ตอนแรกที่ตัดสินใจเรียน Interior Design ผมเป็นคนเลือกเองครับเพราะผมต้องกลับมาทำงานที่เดอะมอลล์ การเรียน Interior Design มันช่วยในเรื่องดูแปลนจะได้เข้าใจห้างมากขึ้นครับ ส่วน Art History นี่ชอบเอง คือย้อนไปตอนปีหนึ่งผมมีโอกาสได้ไปลงเรียนอาร์ต แล้วผมก็รู้สึกว่ามันเป็นอะไรที่น่าสนใจดี และสนุกมากเพียงแต่ว่านำมาใช้ในโลกจริงๆ ยาก ส่วน Entrepreneurship ผมว่าสำหรับเด็กรุ่นใหม่ตอนนี้ทุกคนอยากทำงานที่เป็นนายตัวเอง ชอบไลฟ์สไตล์สบายๆ เลยเลือกด้าน Entrepreneurship กันมากขึ้น และด้วยความที่ผมรู้อยู่แล้วด้วยว่าผมต้องกลับมาทำอะไร จึงมุ่งเรียนด้านที่จะนำมาใช้ได้เลยครับ” คุณจีนเล่าให้เราฟังเมื่อไถ่ถามถึงเรื่องการเรียนในปัจจุบันของเขาก่อนจะย้อนกลับมาเรื่องถึงเรื่องต่างๆ ในชีวิต

ชีวิตวัยเด็ก
            “ตอนเด็กๆ ผมมีความฝันว่าอยากเป็นนักขับเครื่องบิน Fighter Jets แต่พอโตมาก็เปลี่ยนไปแล้วครับ ตอนเด็กๆ ประมาณช่วงอนุบาลผมย้ายโรงเรียนบ่อยมาก เพราะผมเป็นเด็กค่อนข้างซน (หัวเราะ) จากนั้นก็เรียนที่บางกอกพัฒนาตั้งแต่ K1, K2 ถึง Years 8 แล้วถึงย้ายไป Shrewsbury School ที่ประเทศอังกฤษจนจบชั้นมัธยม ซึ่งตอนเรียน Boarding schools ผมเป็นเด็กที่ไม่เคย Homesick เลย พ่อแม่ก็งงว่าทำไมผมไม่โทรหาพ่อแม่เลย ตอนนั้นผมอยู่ได้สบายเลยนะ ผมชิลมาก อาจเพราะว่าคุณพ่อพาไปซัมเมอร์แคมป์ตั้งแต่เด็กทำให้ผมชินแล้วด้วยครับ ช่วงกำลังจะเข้ามหาวิทยาลัยตอนแรกผมจะเรียนที่ UCL แต่พอได้อยู่ที่ลอนดอนแล้วผมรู้สึกว่าไม่เข้ากับไลฟ์สไตล์ผมจึงไปเรียนที่ Syracuse University เหมือนคุณพ่อครับ”

กฎของบ้าน ข้อห้ามที่อย่าทำ
           “ข้อห้ามทุกที่ที่ผมไป คุณแม่จะขอว่าห้ามขับมอเตอร์ไซค์ ห้ามเล่นยาเสพติด และห้ามสูบบุหรี่ 3 อย่าง แต่พออยู่กรุงเทพฯ ด้วยรถติดผมก็มีนั่งวินมอเตอร์ไซค์นะครับ (หัวเราะ) แต่ว่าผมไม่เคยขี่มอเตอร์ไซค์เลยไม่กล้าด้วยครับ”

ความสามารถพิเศษ
           “จริงแล้วผมถนัดวาดรูปนะ วาดด้วยมือ ซึ่งคนรุ่นใหม่จะชอบใช้คอมพิวเตอร์ แต่ว่าผมชอบสเก็ตช์ สเก็ตช์แบบเร็วๆ เลยครับ ผมชอบวาดรูป ผมเป็นคนที่ Visual อยู่แล้ว เวลาผมจดโน้ตผมจะชอบวาดรูป แบบ Diagram ผมรู้ตัวเองว่าชอบพวกภาพมากกว่าตัวหนังสือเยอะๆ ครับ”

การเตรียมตัวและความพร้อมที่จะกลับมาทำงานของครอบครัว
           “ตอนนี้ผมได้เข้าไปนั่งในห้องประชุมบ้าง แต่ว่าผมยังไม่มีสิทธิ์พูดแค่เข้าไปนั่งฟังและเรียนรู้ ซึ่งส่วนมากผมจะตามคุณป้า (คุณศุภลักษณ์อัมพุช) มากกว่าคุณแม่ เพราะคุณแม่เขาจะดูและพัฒนาตึกเก่าส่วนป้าแอ๊วจะดู New Project โดยในรุ่นๆ ผมก็จะต้องมาดู New Project ครับ”

หลักในการทำงานของครอบครัว
           “เดอะมอลล์เป็น Business Structure ที่ไม่ค่อยจะเหมือนใคร เพราะว่าเป็น Family Business ทำให้เรื่อง Chain of Command จะแตกต่างหน่อย ผมจึงต้องเข้าไปเรียนรู้ ขนาดผมเรียน Entrepreneurship เวลาเข้าบริษัทจริงมันจะไม่เหมือนกัน เพราะว่าเราเรียนมาเรียงเป็นขั้นๆ แต่พอเข้าไปสู่โลกจริงมันจะไม่ได้เป็นแบบนั้น ก็ต้องค่อยๆ เรียนรู้ไปครับและด้วยรุ่นคุณแม่จะเป็นรุ่น Baby Boomer เขาจะเป็น Working Machine คือในรุ่นคุณแม่กับคุณป้าจะขยันมาก ก็กดดันเหมือนกัน (หัวเราะ) ทุกวันนี้คุณแม่ผมสองทุ่มสามทุ่มก็ยังทำงานอยู่ คือทำได้ตลอดเวลา ไม่ได้ทำงานแค่ในเวลาทำงานปกติ ซึ่งเดี๋ยวพอผมเข้ามาก็คงเป็นแบบนั้นแหละครับ พี่บลู (คุณไพลิน อัมพุช) พี่ชมพู (คุณพลอยชมพู อัมพุช) ก็บอกว่างานหนักจริงๆ แต่ผมก็คิดว่า ถึงแม้ว่างานจะหนัก แต่ก็ดีที่เราได้มีโอกาสช่วยธุรกิจของครอบครัวครับ”

ธุรกิจครอบครัว แตกต่างจากธุรกิจที่อื่นอย่างไรบ้าง
           “ข้อดีคือเราเป็นครอบครัวเดียวกัน เราคุยกันได้ทุกอย่าง แต่ว่าข้อเสียมันอาจจะไม่เป็นระบบมาก แต่ว่าในรุ่นผม ผมตั้งใจจะทำให้มันเป็นระบบมากขึ้นนะครับ” (ยิ้ม)

บุคคลต้นแบบ
            “บุคคลต้นแบบ หรือไอดอลผมไม่มีนะครับ แต่ว่าคนที่ผมนับถือคือ คุณป้า, คุณน้า, คุณแม่ และคุณพ่อ ผมว่าทุกท่านคือตัวอย่างที่ดีที่สุด คุณพ่อคุณแม่นี่สุดยอดจริงๆ ทุกคนเก่งหมดเลย ผมคิดว่าตัวเองโชคดีที่ได้เกิดมาท่ามกลางคนเก่งๆ”

เป้าหมายในอนาคต
            “ตอนนี้ห้างเราเน้นเรื่องออนไลน์อยู่ เราเน้น MOnline ผมคิดว่าผมจะพยายามกลับมาช่วยพัฒนาในด้านออนไลน์ด้วย แต่ว่าในส่วนตัวห้างปกติก็จะยังไม่ได้หายไป มันจะต้องดำเนินไปด้วยกัน และหาจุดที่มันลงตัว ส่วนตัวผมว่าเดินห้างที่ไหนก็ไม่สนุกเหมือนห้างบ้านเรา คือของประเทศไทย ที่ไหนก็ได้นะครับไม่ว่าจะเป็น เดอะมอลล์กรุ๊ป สยามพิวรรธน์ ของเซ็นทรัล ผมว่าห้างประเทศไทยนี่สนุกสุดท็อปสุดในโลกแล้ว ต่างชาติสู้ไม่ได้ การที่เราได้ไปเห็นโลกข้างนอกก็ทำให้เราสามารถนำสิ่งเหล่านั้นมาปรับใช้ ปรับปรุงธุรกิจของเราได้ และได้เห็นอะไรเยอะขึ้น”

ถ้ามีโอกาสอยากทำอะไรให้ประเทศของเรา
           “ด้วย Interior Design ที่ผมเรียนอยู่ ตอนนี้เขาจะเน้นเรื่อง Environment เรื่องสิ่งแวดล้อมเยอะมากสิ่งหนึ่งที่ผมเห็น คือประเทศไทยเป็นประเทศที่ใช้พลาสติกเยอะมาก ผมว่าต้องเปลี่ยน เรื่องสิ่งแวดล้อมผมว่าเป็นอะไรที่เราต้องทำ และเรื่องสวนสาธารณะ น่าจะต้องมีมากขึ้น สิ่งหนึ่งที่ผมยึดถือเมื่อผมกลับมาทำงาน คือเรื่องสิ่งแวดล้อมซึ่งห้างของเราก็ให้ความสำคัญอยู่แล้ว”

Your Strength?
            “จริงๆ Strength ผมคิดว่า ผมซัพพอร์ตคนได้ผมช่วยเหลือคนได้ ผม Friendly คุยกับคนง่ายและผม Make Connection ได้ง่าย ผมว่านี่คือจุดแข็งของผม ส่วนการเรียนผมอาจจะเรียนไม่ได้เก่งมาก
แต่ว่าผมเข้าใจทุกอย่าง ถึงแม้ว่าจะช้า แต่สุดท้ายผมทำได้ครับ”

Quote of My Life
            “Don’t Try So Hard In Life Because You Don’t Get Out Alive. ไม่ต้องใช้ชีวิตแบบพยายามเยอะมาก ไม่ต้องใช้ชีวิตเพื่อจะตาย เพราะสุดท้ายเราทุกคนก็ตายอยู่ดี ผมเข้าใจว่าคนเราก็ต้องมีความพยายาม แต่ว่าเราต้องมีบาลานซ์ที่ดี ผมว่ามันเป็นอะไรที่สำคัญมาก แต่ว่าพวกเบบี้บูเมอร์ไม่ค่อยจะเข้าใจ ผมจะพยายาม Work Life Balance ให้ได้ แต่ผมก็รู้ว่าเมื่อผมเข้ามาทำงานที่เดอะมอลล์ผมคงต้องทุ่มเทอย่างหนัก อย่างน้อยต้องสักห้าหกปี ที่ผมจะไม่มีชีวิตส่วนตัวผมเตรียมตัวไว้แล้วว่าผมจะต้องยอมรับตรงนี้แต่ว่าในอนาคตถ้าผมมีโอกาสทำอะไรได้มากกว่านี้ ผมจะเน้นเรื่อง Quality of Life หรือเรื่อง Work Life Balance ให้มากขึ้นครับ”

ขอขอบคุณ The EmQuartier สำหรับสถานที่ในการถ่ายทำ
Story: Arunlak
Photo: Prayuth

SHARE